ที่ท่องเที่ยวอันแรกคือ
1. วัดหงษ์ทอง
ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง ในบริเวณพื้นที่ชายทะเลที่เป็นป่าชายเลน มีทางเดินเชื่อมจากบริเวณวัดที่ชายฝั่งไปยังพระธาตุคงคามหาเจดีย์ปรีชา ประภากร ปราชญ์ ศรนิล อนุสรณ์ และอุโบสถซึ่งอยู่ในทะเล เจดีย์มี 5 ชั้นมีภาพวาดเกี่ยวกับพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ไทย และประดิษฐานพระพุทธรูปต่าง ๆ ส่วนชั้นบนสุดเป็นเจดีย์สีทองอร่ามบรรจุพระอรหันต์ธาตุ สามารถมองเห็นทัศนียภาพท้องทะเลและแผ่นดินในมุมสูงได้สวยงาม
2. วัดโสธรวรารามวรวิหาร (อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา)
วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ห่างจากศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทราไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 2 กิโลเมตร มีพื้นที่วัดประมาณ 200 ไร่เศษ เป็นวัดมงคลคู่เมืองแปดริ้ว สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ในบริเวณที่เรียกว่า "คุ้งมังกร" ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เดิมชื่อ "วัดหงส์" ต่อมาเมื่ออัญเชิญพระพุทธโสธรมาประดิษฐานภายในวัด จึงมีเหตุการณ์ดลบันดาลให้เกิดพายุพัดเอาหงส์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเสาหงส์ลงมา ชาวบ้านจึงแก้ไขเป็นเสาธง แล้วเปลี่ยนชื่อจากวัดหงส์เป็น "วัดเสาธง" ต่อมาไม่นานก็เกิดพายุพัดเสาธงหักอีก ชาวบ้านจึงเปลี่ยนชื่อจากวัดเสาธงมาเป็น "วัดเสาธงทอน" ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าชื่อนี้ไม่ไพราะ จึงได้ขนานนามใหม่ว่า "วัดศรีโสทร" หรือวัดโสทร" ซึ่งหมายถึงวัดพระ 3 องค์พี่น้องร่วมอุทรเดียวกันตามชื่อพระพุทธรูป ต่อมาเนื่องจากอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏ อีกทั้งพุทธศิลป์อันงดงามของหลวงพ่อ ทำให้ชื่อวัดและพระพุทธรูปที่ประดิษฐฐานอยู่ภายในเปลี่ยนเป็น "โสธร" ซึ่งหมายความว่า บริสุทธิ์หรือศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
วัดโสธรเดิมเป็นวัดราษฎร์ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2501 ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร มีนามว่า "วัดโสธรวรารามวรวิหาร" ปัจจุบันวัดแห่งนี้มีพระอุโบสถหลังใหม่ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2535 ด้วยศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ประยุกต์ หลังคาจตุรมุขแบบปราสาทไทย ส่วนกลางพระอุโบสถมียอดมณฑปเป็นยอดฉัตรทองคำแท้ 5 ชั้น น้ำหนัก 77 กิโลกรัม พระอุโบสถปูด้วยหินอ่อนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระอุโบสถที่มีขนาดใหญ่และ งดงามที่สุดในโลก ที่สำคัญสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังเป็นวัดที่สำคัญในรัชกาลปัจจุบัน 3. ตลาดบ้านใหม่(อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา)
ตลาดบ้านใหม่ ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา เป็นตลาดเก่าอายุกว่า 100 ปี เดิมชื่อตลาดบน แต่เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ จึงก่อสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาแทน ชาวบ้านจึงเรียกว่า "ตลาดบ้านใหม่" บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนเก่าแก่ มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน เมื่ออดีตสถานที่แห่งนี้มีความคับคั่งด้วยผู้คนที่มาประกอบอาชีพค้าขาย เป็นตลาดบกริมน้ำที่เจริญรุ่งเรืองมาก รวมทั้งเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าสำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินด้วยเรือพระที่นั่ง เมื่อวันที่ 26 มกราคม รศ.126 (พ.ศ. 2450) ดังข้อความในพระราชหัตถเลขาว่า "...เสด็จขึ้นที่ท่าตลาดบ้านใหม่ ทอดพระเนตรตลาดนั้นไปจนสุดตลาด..."
ตลาดบ้านใหม่แห่งเป็น 2 เขต คือ ตลาดบนกับตลาดกลาง ตลาดบนบางครั้งเรียกชื่อตามนามเจ้าของว่าตลาดขุนอินทรนรกิจ มีอาณาเขตตั้งแต่ทางเข้าตลาดจนถึงศาลเจ้าอาม่าแต่เดิมบริเวณทางเข้าตลาดเป็น โรงฝิ่นขนาดใหญ่ ซึ่งยกเลิกในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อ พ.ศ. 2501 ต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นห้องแถวให้เช่า ปัจจุบันถูกรื้อถอนไปเหลือเพียงบางส่วนที่เป็นตลาดด้านใน ตลาดกลาง อยู่ถัดจากศาลเจ้าอาม่า ลงไปจนถึงหัวตลาดบริเวณศาลเจ้าโกมินทร์ยังคงสภาพความเป็นตลาดโบราณไว้จน ปัจจุบัน
เมื่อ พ.ศ. 2547 ชุมชนบ้านใหม่พร้อมใจฟื้นฟูตลาดชุมชนอายุกว่า 100 ปี เปิดตลาดบ้านใหม่ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมวิถีชีวิตย้อนยุค เลือกชิมอาหารรสอร่อย เลือกซื้อของฝากจากแปดริ้วในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ อีกทั้งอาคารบ้านเรือนทั่วไปได้รับการปรับปรุงให้อยู่ในสภาพดีขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจจะเลือกการล่องเรือชมทัศนียภาพและวิถีชีวิตริมฝั่งแม่ น้ำบางปะกงจากวัดโสธรมาขึ้นยังตลาดบ้านใหม่เป็นสิ่งที่น่าสนใจการเดินทางไปตลาดบ้านใหม่
1. โดยรถยนต์ส่วนตัว
จากกรุงเทพ ฯ สามารถใช้เส้นทางได้หลายเส้นทาง
- ใช้ถนนหมายเลข 304 มีนบุรี – ฉะเชิงเทรา,
- ใช้ถนนหมายเลข 34 บางนา – ตราด เลี้ยวเข้าถนน หมายเลข 314 บางปะกง – ฉะเชิงเทรา,
- ใช้ถนนหมายเลข 3 สมุทรปราการ – บางปะกง แล้วต่อด้วยถนนหมายเลข 314 บางปะกง – ฉะเชิงเทรา,
- ใช้ถนนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ ฯ – พัทยา เลี้ยวซ้ายเข้าถนน หมายเลข 314 บางปะกง – ฉะเชิงเทรา มุ่งหน้าเข้าตัว เมืองฉะเชิงเทรา
2. โดยรถสาธารณะ
จากกรุงเทพ ฯ มีรถประจำทางออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (ถนนกำแพงเพชร 2) และสถานีขนส่งสายตะวันออก
(เอกมัย)หลังจากนั้นต่อรถสองแถวตรงสถานีสายตลาดบ้านใหม่ ไปลงลงหน้าตลาด
3. รถไฟ (หัวลำโพง)
มีขบวนรถไฟมาฉะเชิงเทราทุกวัน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยรถสาธารณะ มีรถโดยสารเล็กจากสถานีสายรอบ เมืองวิ่งผ่านวัดโสธร หรือตลาด สามารถเลือกและเดินทางได้สะดวกสบาย
4. วัดจีนประชาสโมสร(เล่งฮกยี่ใกล้ตลาดบ้านใหม่)(อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา)
ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา วัดแห่งนี้เดิมชื่อว่า "เล่งฮกยี่" เป็นพุทธสถานฝ่ายมหายานที่ทรงคุณค่าด้วยศิลปกรรมอันงดงามแบบจีน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองแปดริ้ว ใน พ.ศ. 2450 เพื่อเปิดทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนวัดแห่งนี้และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อ "วัดเล่งฮกยี่" เป็น "วัดจีนประชาสโมสร" โดยมีป้ายชื่อพระราชทานประดับเด่นเป็นสง่าตราบเท่าปัจจุบัน บริเวณทางเข้าพระอุโบสถของวัดคือท้าวจตุโลกบาล ซึ่งทำหน้าที่ปกปักรักษาโลกในทิศทั้งสี่ ส่วนภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปแบบจีนลัทธิมหายานอีก 3 องค์ คือ พระยู่ไล้ พระโอนิโทฮุดและพระเอื้อซือฮุด ซึ่งเชื่อว่าสามารถปกปักรักษาโรภัยไข้เจ็บได้ พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ สร้างขึ้นจากกระดาษที่นำมาจากเมืองเซี่ยงไฮื้ ประเทศจีน พร้อม ๆ กันกับพระพุทธรูป 18 อรหันต์ ที่ประดิษฐานอยู่ด้านข้างพระอุโบสถ วัดจีนประชาสโมรได้ดำเนินการก่อสร้างเจดีย์ 7 ยอด และรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิมพันมือ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวาระเป็นมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริรราชสมบัติครบ 50 ปี
5. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(อำเภอพนมสารคาม)
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอ้นเนื่องมาจากพระราชดำริได้รับรางวัลยอด เยี่ยม ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรจากการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ปี 2547 ซึ่งในการประกวดครั้งที่ผ่านมาทางศูนย์ฯ ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร แสดงให้เห็นว่าแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่มีการพัฒนาและจัดระบบการบริหาร จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความคุ้มค่าที่นักท่องเที่ยวจะได้แวะเยี่ยมเยียน ผู้สนใจจะเข้าชมศูนย์เป็นหมู่คณะและต้องการเจ้าหน้าที่นำชม โดยทำหนังสือติดต่อล่วงหน้า นอกจากนั้นศูนย์ฯ ยังมีบริการที่พัก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนในเวลาราชการ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. โทร 038-599105-6 การเดินทาง กรุงเทพฯ - ฉะเชิงเทรา - อ.พนมสารคาม
5. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน (อำเภอท่าตะเกียบ)
เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ครอบคลุมพื้นที่ 643,750 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางของพื้นที่ป่าผืนใหญ่รอยต่อ 5 จังหวัด คือฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และปราจีนบุรี เป็นป่าอุดมสมบูรณ์ผืนสุดท้ายของภาคตะวันออก เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำบางปะกงทางด้านจังหวัดฉะเชิงเทราคลองโตนด จังหวัดจันทบุรี และแม่น้ำประแสร์ในจังหวัดระยอง สภาพภูมิประเทศทั่วไปมีความลาดชันไม่มากนัก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 30-150 เมตร ประกอบด้วยพื้นที่ป่าปกคลุมเป็นบริเวณกว้างใหญ่ มีสัตว์ป่านานาชนิด และนกพันธุ์ต่าง ๆ อาศัยอยู่มากมายและเป็นที่ตั้งของสถานีวิจัยสัตว์ป่าแห่งแรกของภาคตะวันออก และเป้นแหล่งที่สองของประเทศไทย รองจากสถานีวิจัยสัตว์ป่านางรำที่ห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี บริเวณหุบเขาร่มรื่นและเย็น นอกจากนั้นยังมี น้ำตกอ่างฤๅไนหรือน้ำตกบ่อทอง เกิดจากคลองหมากบนเขาอ่างฤๅไน อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์ป่าประมาณ 2 กิโลเมตร การเดินทางจากตัวเมืองใช้เส้นทาง ฉะเชิงเทรา - พนมสารคาม จากอำเภอพนมสารคามใช้เส้นทางหมายเลข 3245(พนมสารคาม-สนามชัยเขต) จากนั้นไปตามเส้นทางหมายเลข 3259 ผ่านอำเภอท่าตะเกียบ สู่บ้านหนองคอก ระยะทาง 50 กิโลเมตร ต่อด้วยเส้นทางสู่อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว อีกประมาณ 20 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน และสถานีวิจัยสัตว์ป่าฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน การเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าควรปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ผู้ที่มีความประสงค์จะเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะต้องทำจดหมายขอ อนุญาตล่งหน้าอย่างน้อย 15 วัน เรียนผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ โทร 02-561-4292 ต่อ 765
อันนี้ก็เอามาแค่สถานที่ท่องเที่ยวที่ดังๆมาเฉยๆนะครับ อันที่จริงก็ยังมีอีกเยอะ
ข้างล่างเป็นแผนที่นะครับ
ข้างล่างเป็นแผนที่นะครับ
ดู แผนที่ไทย ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น